แต่สำหรับชั้นที่หนีความวุ่นวายของรถติดช่วงสงกรานต์
ฉีกออกมาทางตะวันตกของประเทศ
จุดหมายที่ไม่ไกลจากกรุงเทพ คือ อ.สังขละบุรี
พวกเราออกเดินทางกันในช่วงสายของวันที่ 12เมษายน
วันที่บรรยากาศทางการเมืองกำลังระอุ
ทริปนี้เป็นทริปสบายๆ ตั้งใจพาตัวมาพัก เพราะช่วงที่ผ่านมารุ้สึกพลังงานได้หดหายไปด้วยหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง
พวกเราออกเดินทางกันอย่างไม่เร่งรีบ หรือจะให้พูดง่ายๆว่า ออกช้ามากก 555 กว่าจะเคลื่อนตัวออกจากรุงเทพก้อ11โมงกว่าแระ
แวะรับเพื่อนๆตามทางอีก กว่าจะหลุดพ้นนครปฐม เวลาก็เลยไปบ่ายโมงกว่า
เราใช้ถ.เพชรเกษม-นครปฐม แล้วเข้าสู่เมืองกาญ ทางอ.บ้านโป่ง วิ่งตามป้ายได้เลยค่ะ ไม่หลงทางแน่นอน
จุดแรกที่เราแวะกันก้อคือร้านนงเยาว์ ก่อนถึงน้ำตกไทรโยคน้อย ร้านนี้สุดสวยในกลุ่มการันตีความอร่อยเลยต้องลองซะหน่อย
อาหารที่แนะนำคือ ไส้อั่วค่ะ ฟัง ไม่ผิดค่ะ มาเมืองกาญ แต่ได้กินไส้อั่ว
ไส้อั่วของเมืองกาญ จะต่างจากไส้อั่วทางเหนือตรงที่ใส่วุ้นเส้น เสริฟพร้อมผักสดและขิงดอง อร่อย มากๆ หลังจากนั้นอาหารก้อค่อยๆทยอยมา เราก็กินกันตามกฎที่ดีของคนรักษาหุ่นคือเน้นกับไม่เน้นข้าว อิอิ แต่มันอร่อยจิงๆนะ ไม่ว่าจะ เป็นส้มตำไทย คอหมูย่าง ไก่ย่างลาบหมู ยำหมูยอ ยำ...และ ต้มแซ่บหมู ค่าอาหารมื้อนี้ประมาณห้าร้อยบาท
หลังจากนั้นเราก้อวิ่งตรงสู่ อ.สังขละบุรี
เส้นทางจากแยกทองผาภูมิสู่สังขละนั้น เป็นถนนลาดยาง2เลนสวน มีบางช่วงที่ไม่ค่อยเรียบ นอก
นั้นวิ่งสบาย วิวข้างทางเขียวสบายตา เป็นเส้นทางที่สวยแต่ควรวิ่งด้วยความระมัดระวัง
เพราะส่วนใหญ่เป็นทางที่ลัดเลาะตามไหล่เขาขึ้นลง ตลอด
เรามาถึงตัวอ.สังขละบุรีประมาณเกือบหกโมงครึ่ง เอาแผนที่รีสอร์ตมากาง
มองหาป้ายรีสอร์ต กันอย่างทุลักทุเล เพราะทางเข้ารีสอร์ตอยุ่ บริเวณโค้ง
แล้วป้ายตั้งอยุ่แนวขนานไปกับถนน -*- ดูทางจากถนนหลักเข้าสู่รีสอร์ตมองเข้าไปแล้ว
นึกภาพไม่ออกว่า รีสอร์ตมันจะเป็นยังไงรูปจากในเวปนี่โม้เกินจริงหรือป่าว
เพราะมันเป็นทางที่พึ่งลงหินกรวด+ลูกรัง 555 ไปตามทางลงไหลเขาขึ้นๆลงๆกัน2ที
ก้อถึงที่"ดอนคำรีสอร์ต"
เราเลือกที่นี่เพราะ 1.มีแอร์ 2. มีความเป็นส่วนตัวสูง เพราะรีสอร์ตนี้ไม่ติดกับบ้านคนหรือชุมชนเลย
เมื่อเอาสัมภาระเก็บ เราก็แวะไปที่แรก ที่หมายตาไว้คือ สะพานมอญ ทางที่ไปสะพานมอญมี2ด้านคือ
เข้าจากซอยของสามประสบรีสอร์ต และด้านที่เข้าจากทางฝั่งหมู่บ้านมอญ
จะมีป้ายบอกทางเล็ก ล่างป้ายถนน ต้องสังเกตดีๆ
เรามาถึงสะพานมอญเมื่อมืด แล้ว แต่ก้อขอไปสำรวจกันหน่อย ถ่ายรูปกันมาอีกคนละหลายแชะ
ถึงไปหาข้าวเย็นกินกัน มื้อเย็นมื้อแรกที่สังขละ เราเลือกที่จะฝากท้องไว้กับร้านอาหารตามสั่งในตลาด
เพราะตลาดเป็นอะไรที่เข้าถึงง่าย และทำให้เราได้สัมผัสความ เป็นเมืองของสังขละได้ในอีกมุมนึง
ตลาดกลางคืนที่นี่เล็กๆเงียบๆ สังเกตได้ว่าคนที่ออกมาหาไรกินจะเป็นนักท่องเที่ยวเสียเป็น ส่วนใหญ่
ปล.1 ไก่ย่างตรงหัวมุมถนน อร่อยมาก ^o^
ที่นี่ไม่มี7-11 แต่มีร้านมินิมาร์ทใหญ่ ชื่อร้านโคคาซึ่งมีของขายมากกว่าเซเว่น55
ตอนแรกที่เห็นป้าย เราก็นึกว่า ที่นี่มีร้านสุกี้โคคาด้วยเฟ้ย 555
อ่อ ถ้าใครไปสังขละแล้วเงินไม่พอ ไม่ต้องกลัวอดตายค่ะ เพียงคุณมีเอทีเอ็ม
เพราะที่ตลาดมีธ.ไทยพาณิชย์ มีตู้ให้คุณกดเงินแน่นอน
คืนนั้นเราแยกย้ายกันเข้าที่พัก ตัวชั้นเลือกที่จะนอนเก็บแรงไว้พรุ่งนี้มากกว่า คร๊อกฟี้zzzz
อย่างแรก ห้องน้ำล๊อคไม่ได้ หึหึ สงสัยงานนี้จะมีโชว์ ต้องขอแรงพวกพี่ยกเก้าอี้มาช่วยปิดให้
อย่างที่สอง ท่อฝักบัวหัก ห้อยร่องแร่ง ได้แต่มองกันตาปริบๆเลยต้องไปตามเค้ามาซ่อม นึกว่าจะต้องเปลี่ยนบ้านซะแล้ว
เช้าแรกที่สังขละบุรี
ผิดแผนนนนนนนนนนตามแผนเดิม เราจะไปใส่บาตรกันแถวๆสะพานมอญ
แต่ว่า....ไม่มีนาฬิกาใครเลยที่ปลุก 555
เพราะต่างคนต่างคิดว่า อีกคนตั้งปลุกแล้วในเมื่อผิดแผนก้อคงต้องเลยตามเลย
พออาบน้ำเสร็จ ก้อออกไปกินอาหารเช้าของรีสอร์ต
หลังจากนั้นก็เริ่มต้นเดินทาง จุดหมายที่แรก คือสะพานมอญค่ะ
สะพานมอญหรือ สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
มีความยาวประมาณ 850เมตร สะพานนี้สร้างขึ้นจากแรง ศรัทธาที่ชาวมอญมีต่อหลวงพ่ออุตตะมะ
สะพานไม้นี้สร้างข้ามลำน้ำซองกาเรีย เพื่อให้ชาวบ้านฝั่งตัวอำเภอสังขละและฝั่งหมู่บ้านมอญเดิน ข้ามสัญจรไปมา
บริเวณสะพานนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยมาก เพราะจะมองเห็นแม่น้ำ3สายมาบรรจบกัน คือ แม่น้ำซองกาเรีย แม่น้ำบีคลี่ และ แม่น้ำรันตี
หลังจากที่ถ่ายรูปกันไปหลายACT จนบรรดาครีมต่างๆที่โบกไว้ไหลมารวมกันเป็นน้ำนม
เราเลยหยุดพักมานั่งกินน้ำร้านนี้ค่ะ วิวดีมากๆนั่งพักกันจนเหงื่อเริ่มแห้ง
เราก็แยกย้ายกันไปตามความสนใจของแต่ละคน นัดเจอกันอีกทีคือมื้อเที่ยงอิอิ
พูดซะดูดี แต่สรุปคือ ทุกคนเลือกกลับไปหลบแดดที่ห้องพัก ยกเว้นพี่กระติก
ซึ่งไปตระเวณเที่ยว+ถ่ายรูปต่อ 555 พลังงานพี่เค้าไม่ มีวันหมด
(แดดที่นี่แรงมากๆ ควรเตรียมอุปกรณ์กันแดดให้พร้อมนะคะ)
เรามานัดเจอกันอีกทีที่ร้านชื่นใจเฮ้าส์
ใครที่เข้าเสิร์ชข้อมูลเกี่ยวกับสังขละ คงเคยได้ยินชื่อร้านนี้ ว่าเป็นร้านขายโปสการ์ด
เกสต์เฮ้าท์ บลาๆ แต่เชื่อมั้ยคะ ว่าชาวบ้านแถวนี้ไม่รู้จักค่ะ 555
พี่กระติกมาเดินตามล่าหาร้านนี้ ตั้งแต่ตลาดสังขละ ซึ่งไกลพอควรเลยในความรู้สึกของเรา
แต่พี่เค้าสามารถค่ะ สาเหตุที่ชาวบ้านแถวนี้ไม่รู้จักเนื่องจากว่า
ร้านนี้พึ่งเปิดได้เพียง6เดือน ห้องพักที่นี่มี 5 ห้อง บรรยากาศบริเวณที่พัก
(แป้งไม่ได้เก็บมาให้ดูนะคะ แดดมันดูดพลังไป ไม่อยากขยับตัวมาก แหะๆ)
ดูจากบรรยกาศและเมนูอาหารของที่นี่แล้ว เราตัดสินใจกินข้าว เที่ยงกันที่นี่
อาหารที่นี่อร่อยมากและเน้นสไตล์เพื่อสุขภาพค่ะ เพราะข้าวที่ใช้ก็ข้าวซ้อมมือ หุงแบบนิ่มๆ (
แหะๆคิดถึงยังน้ำลายไหล)ขนมปังที่ใช้ก้อเป็นแบบโฮลวีต แนะนำให้สั่งสปาเก็ตตี้ชื่นใจเฮ้าส์นะคะ
อร่อยแบบที่คุณต้องลอง
พี่เจ้าของร้านแกติสท์มาก รูปที่แต่งร้านเป็นฝีมือพี่เค้าทั้งหมด เราได้อุดหนุนโปสการ์ดไป1ใบ
แล้วก็ออกเดินทางต่อไปสู่ด่านเจดีย์ 3องค์
ข้อมูลในเชิงประวัติศาสตร์ทุกคนคงทราบแล้ว ดังนั้นเราของพูดในอีกแง่ ดีกว่า
ด่านเจดีย์3องค์เป็นแหล่งช๊อปปิ้งบริเวณชายแดนอีกที่ทีมีทั้ง เครื่องเรือนที่ทำจากไม้
ไม้แกะสลัก ,ต้นไม้ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกล้วยไม้ป่า, เครื่องประดับที่ทำจากเงิน ทองเหลือง
เพชร พลอย แต่ต้อง คนดูเป็นนะคะ , เสื้อผ้าแบบมอญก็มี ,ของใช้ในบ้าน สบู่แชมพู บลาๆๆ
อ่อ ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่มีแม่ชีออกมาบิณฑบาตพอดีเลยได้รูปมาฝากกันค่ะ
แม่ชีที่นี้ห่มผ้าสีชมพู ดูแปลกตากว่าแม่ชีที่เราเห็นตามในเมืองค่ะ
ช๊อปปิ้งที่ด่านเจดีย์3องค์ได้ไม่นานฝนก้อตกไล่หลังเรามาเลยค่ะ
หลังจากที่เราหนีฝนจากด่านเจดีย์เราก็กลับมาไหว้หลวงพ่ออุตตะมะที่วัดวังวิเวกการาม ตามไปเก็บรูปเจดีย์พุทธคยา
แล้วก็ลงเรือเพื่อไป ถ่ายรูปวัดวังวิเวการามเก่า ที่จมอยู่ใต้น้ำ เนื่องจากการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์
ช่วงเวลาที่เราไปไม่ใช่หน้าน้ำ ระดับน้ำลดลงไปเยอะมาก จนทำให้เราสามารถเดินเข้าไปชมอุโบสถได้อย่างสบาย
(ค่าเรือชมวัดลำละประมาณ300)
หลังจากชมวัดเสร็จ เราก็มากินข้าวเย็นที่ร้านซองกา เลียค่ะ ตั้งแต่เรามาถึงสังชละ จะสังเกตได้ว่า
ค่าครองชีพที่นี่ไม่แพงเลย วันนี้เราสั่งอาหารประเภทปลามากิน สั่งกับข้าวประมาณ9-10อย่าง
ค่าเสียหายเก้าร้อยกว่าบาทเองค่ะ หลังจากนั้นก็เข้าที่พัก...
จบวันท่องเที่ยวไปอีกวัน
เช้าวันสุดท้ายที่สังขละ วันนี้เราตื่นกันสายๆ ทำธุระส่วนตัวกันเสร็จก็ค่อยๆทยอยเก็บของแล้วเดินทางกลับ
ขับรถชมวิวกันมาเรื่อยๆ มาแวะที่จุดชมวิวป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม
วิวสวยน่ามากางเต๊นท์มาก แต่ขอเป็นหน้าหนาวนะ หน้าร้อนไม่ไหว แดดแรงแทบสุก หึๆ
ออกจากป้อมปี่ เราก็วิ่งกลับเข้าอ.ทองผาภูมิ เพื่อไปเที่ยวเขื่อนวชิราลงกรณ์
หลังจากนั้นไปหาอะไรกินตามเคย 555 เราเข้าไปลองร้านเปิดใหม่เชิงสะพานก่อนเข้าทองผาภูมิ ชื่อร้านครัวริมแคว
ปลาคังต้มส้มอร่อยมาก และยำร้านนี้ก็รสแซ่บใช้ได้เลย แต่มีแปลกตรงที่ยำปลาคังทอดเค็มไปหน่อย
สังเกตได้ว่าจะไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอาหารที่กินมาเนื่องจากแทบทุกมื้อจะหิวสุดๆ แหะๆ ไม่มีแรงยกกล้อง)
ออกจากร้านอาหาร เราก็ขับรถกลับมาเรื่อยๆ มาแวะที่ช่องเขาขาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายมรณะ
ช่องเขาขาดเป็นภูเขาที่ถูกตัด เป็นช่องเพื่อทำเส้นทางรถไฟสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ปัจจุบันมีร่องรอยของทางรถไฟปรากฏอยู่ พี่กระติกเล่าให้ฟังว่าช่องเขาขาด แต่ก่อน เรียกช่องเขาไฟนรก (hellfire pass) สาเหตุที่เรียกแบบนี้ เพราะมีการจุดคบไฟทำงานกันตลอดทั้งคืน เห็นเป็นไฟสีแดงลุกตลอดเวลาแม้ ยามค่ำคืน เสียดายที่เมื่อเราไปถึงช่องเขาขาด เลยเวลาทำการของพิพิธภัณฑ์ทำให้ไม่ได้เข้าไปดูในพิพิภัณฑ์ เลยเดินลงไปเก็บภาพ บรรยกาศบริเวณช่องเขาขาดนั้น ดูเงียบและน่าอึดอัด ในความรุ้สึกเรามาก มันดูวังเวงสุดๆ นึกแล้วก็หดหู่ใจว่าหลายหมื่นชีวิตที่ต้องมาจบลง ที่นี่ เพียงเพราะสงคราม ความกระหายในชัยชนะ
ทริปนี้เป็นอีกทริปที่ประทับใจมากค่ะ เส้นทางการท่องเที่ยวช่วงที่อยู่สังขละบุรี อาจจะกระโดด
ไปกระโดดมานะคะ เพื่อนคนไหนอยากไปเที่ยวสังขละ แป้งแนะนำให้เก็บที่เที่ยวบริเวณ
ตัวอำเภอให้หมดก่อน ตั้งแต่สะพานมอญ วัดวังก์วิเวการาม ล่องเรือไปชมเมืองบาดาล
แล้วค่อยไปด่านเจดีย์ 3 องค์ค่ะ
ขอบคุณ
พี่อ๋อง พี่ชายที่น่ารักที่สุด
พี่เมธ ที่อึดทนมากในการขับรถตระเวณพาเที่ยว ทั้งๆที่ตัวเองก้อเหนื่อยจากหน้าที่การงาน
พี่กระติก พี่ไม่เพียงแต่เรียกรอยยิ้มและน้องกาของแป้งได้ตลอดทั้งทริป อิอิ แต่ยังมีมุมมองอีกด้านให้แป้งได้หัดมอง
พี่เจี๊ยบ พี่ชายที่เป็นห่วงและมีคำแนะนำดีๆ กับทางออกที่แป้งไม่เคยลองให้ลองเสมอ
นุงรัตน์ เพื่อนผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆและคอยให้กำลังใจและเป็นเพื่อนกันตลอดไป
photo by marilyn,sticky,aquarius